คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ร่วมมือกับองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) เพื่อดำเนินการป้องกันการใช้สารต้องห้ามเสริมสร้างสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และขีดจำกัดของร่างกายด้วย “ยาโด๊ป” ในการแข่งขันกีฬา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความยุติธรรมและความเท่าเทียมในการแข่งขันกีฬาตามหลักธรรมาภิบาลของ IOC และเป็นประโยชน์ในด้านสิทธิมนุษยชนตามธรรมนูญของ IOC ที่เปิดโอกาสให้ทุกชาติสมาชิกมีส่วนร่วมในกีฬาโอลิมปิกได้โดยเท่าเทียม ทั้งนี้เพื่อให้การแข่งขันกีฬาเป็นเกมส์ที่มีความยุติธรรมและเท่าเทียมกัน และเพื่อรับรองสิทธิและความเท่าเทียมในการแข่งขันกีฬาตามหลักธรรมาภิบาลของ IOC
ประเทศไทยกำลังให้ความสำคัญและการผลักดันให้กีฬา “มวยไทย” ได้รับการบรรจุเข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ดังนั้น ประเทศไทยก็ต้องให้ความรู้และการเข้าใจเกี่ยวกับสารต้องห้ามให้กับบุคลากรทุกองค์กรของวงการมวยไทย ซึ่งรวมถึงนักกีฬา โค้ช และผู้ที่เกี่ยวข้องด้านกีฬา การรู้และเข้าใจเกี่ยวกับสารต้องห้ามนี้เป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาให้กีฬามวยไทยเข้าร่วมการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งอาจมีผลต่อการพิจารณาของ IOC ในฤดูร้อน หากประเทศไทยสามารถสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสารต้องห้ามให้กับบุคลากรในวงการมวยไทยได้ดีเพียงพอ
ในกระบวนการพัฒนาความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับสารต้องห้าม กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ร่วมกับสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดการอบรมสัมมนาเพื่อสร้างความรู้และเข้าใจให้กับนักกีฬา โค้ช และผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านกีฬา ทำให้ทุกคนเข้าใจกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการตรวจสอบตัวอย่างของนักกีฬา การอบรมสัมมนาเหล่านี้สร้างความเข้าใจและความรับรู้ให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง โดยหากมีการพิสูจน์ว่ามีการใช้สารต้องห้ามจริง ก็จะต้องมีการลงโทษในรูปแบบห้ามเข้าร่วมกิจกรรมในวงการกีฬา ซึ่งอาจถูกพิจารณาว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงมาก และส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในกีฬา ซึ่งอาจมีผลต่อการพิจารณาในการเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ของกีฬามวยไทยในอนาคต